000
ปรึกษาเครื่องเสียง อจ. ไมตรี โทร 099-569-6459    
 
บอร์ดพูดคุย, ซื้อ-ขายเครื่องเสียง
>> audio-teams.com
>> noom-hifi.com
>> wijitboonchoo.com
>> hifi55.com  
>> sk-audiophile.com
>> htg2.net
นิตยสารเครื่องเสียง
>> what Hi-Fi? Thailand
>> The Wave
>> Audiophile-Videophile
>> gm2000.com
>> The Stereo
ร้านค้าเครื่องเสียง
>> Piyanas Electric
>> KS Sons Group
>> Conice (บ้านทวาทศิน)
>> อัศวโสภณ
>> munkonggadget.com
>> bkkaudio.com
 
ปรับขนาดตัวหนังสือ เช่น 15, 16, 18, 20, + + / ยกเลิกใส่ 0 :

หมวดหมู่ > เครื่องเสียงรถยนต์ > บทความเครื่องเสียงรถยนต์ > วิทยุไฮเพาเวอร์ ไบ-แอมป์
วันที่ : 22/04/2016
11,057 views

วิทยุไฮเพาเวอร์ ไบ-แอมป์

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

จริงๆ แล้วผมเคยเปิดประเด็นนี้ในนิตยสาร ?แหล่งรถ? นานกว่า 5 ? 6 ปีมาแล้วผมก็หวังว่าร้านติดตั้งจะได้ตื่นตัวและทำสิ่งนี้ให้แก่ลูกค้า เนื่องจากมันมีประโยชน์อย่างมาก โดยผู้บริโภคแทบไม่ได้ลงทุนมากขึ้นเลย

????????? เวลาผ่านมา 5 ? 6 ปี ปรากฏว่า ไม่มีร้านติดตั้งไหนนำเสนอวิธีการนี้เหมือนกับกลัวว่าจะขายของได้น้อยลง ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด จริงๆแล้วถ้าติดตั้งชุดวิทยุไฮเพาเวอร์ ไบ-แอมป์ดีๆ ลูกค้าพอใจ เชื่อเถอะว่าคนเราอย่างไรก็ไม่รู้จักพอ เดี๋ยวก็มาติดตั้งโน่นนี่เพิ่มอยู่ดีไม่ไปไหนเสียเพราะศรัทธาร้านแล้ว

????????? ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนจึงเห็นว่า น่าจะนำมาเปิดประเด็นอีกสักรอบ ซึ่งจะเก็บรายละเอียดแง่มุมที่มากขึ้นอีก

ปกติเป็นอย่างไร

????????? ในการติดตั้งชุดเครื่องเสียงรถยนต์ที่ธรรมดาที่สุด (ประหยัดสุด วุ่นวายน้อยที่สุด) คือประกอบด้วย วิทยุ- CD มีภาคขยายในตัว (ไฮ-เพาเวอร์) กับลำโพง 1 คู่ แต่ร้านติดตั้งแทบทั้งหมดชอบแนะนำให้เพิ่มลำโพงอีก 1 คู่เป็น 2 คู่ แยกติดตั้งที่ประตูหน้ากับที่แผงหลัง (กรณีรถเก๋ง) หรือประตูหน้ากับช่องแคปหลัง (รถกระบะ) โดยภาคขยายคู่หน้าของวิทยุขับลำโพงคู่หน้า ภาคขยายคู่หลังของวิทยุขับลำโพงคู่หลัง (ตัววิทยุ-CD เป็น 4 CH 4 ภาคขยาย) การต่อเช่นนี้เรียก Double Stereo หรือ สเตอริโอ (2CH) 2 ชุดซ้อนกัน

????????? ผลเสียคือ ลำโพงคู่หน้า,หลังจะส่งเสียงยิงมาหาเราพร้อมกัน ทำให้เวทีเสียงแบนเป็นจอหนังหรือแผ่นกระดาน ไม่มีความตื้น-ลึกของวง นักร้องนักดนตรีทั้งหมดเหมือนเข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง อีกทั้งแต่ละคนจะแบนเป็นแผ่นโปสเตอร์ ไม่มีทรวดทรง อาการโยกตัวเข้า-ออกของนักดนตรี,นักร้องไม่มี ความกังวานเป็นแค่รัศมีแผ่ไปรอบๆไม่วิ่งลับหายจากไปหลังเวที รายละเอียดบางอย่างหายไป ยิ่งถ้าลำโพงและสายลำโพงคู่หน้า,คู่หลังต่างกัน เสียงยิ่งตีกันเอง หักล้างกันเอง แม้อาจจะหลอกหูว่าเสียงโผล่มุมโน้นทีมุมนี้ทีคล้ายเซอราวด์ แต่จริงๆมันซี้ซั้วราวด์มากกว่า

????????? สรุปก็คือ การเล่นลำโพง 2 คู่เบิ้ล ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยจึงเป็นที่มาของแนวคิดใหม่ นั่นคือ การต่อแบบไบ-แอมป์แบบ PASSIVE วิธีการคือ

  1. นำแผงวงจรแบ่งเสียงที่มากับลำโพงจัดการแยกเส้นทางเดินสัญญาณของสายดิน (แยกกราวน์) ของวงจรกรองทุ้มกับแหลม ซึ่งร้านติดตั้งทั่วไปน่าจะพอทำได้ไม่ยากเลย แค่เอาคัตเตอร์กรีดตัดลายเส้นทองแดงที่เป็นสายดินร่วม เพื่อแยกวงจรกรองเสียงกลางทุ้มออกจากวงจรกรองเสียงแหลมไม่ให้เชื่อมต่อถึงกันด้วยเส้นทองแดงดินร่วมนี้
  2. จากภาคขยาย 2 CH ชุดหน้า ของวิทยุต่อสายลำโพงไปเข้าแผงวงจรแบ่งเสียงส่วนที่กรองเสียงแหลม ไปออกดอกลำโพงเสียงแหลม (ลำโพงเป็น 2 ทางแยกชิ้น)
  3. จากภาคขยาย 2 CH ชุดหลัง ของวิทยุต่อสายลำโพงไปเข้าแผงวงจรแบ่งเสียงส่วนที่กรองเสียงกลางทุ้ม ไปออกดอกลำโพงกลางทุ้ม
  4. การปรับสมดุลย์เสียงหน้า-หลัง (FADER) ควรอยู่ตรงกลางตามปกติ นอกจากต้องการเน้นแหลมหรือกลางทุ้ม

น่าเสียดายที่ไม่มีวิทยุไฮเพาเวอร์เครื่องใดที่สามารถตัด (กรอง) เสียงได้ที่ภาคปรีในตัว (ถ้าทำได้ก็จะเป็นการขับแบบ ไบ-แอมป์ ACTIVE สมบูรณ์แบบเลย) จึงต้องกรองด้วยวงจร PASSIVE ที่มากับชุดลำโพง

ข้อดีของการขับแบบไบ-แอมป์

  1. ได้ใช้กำลังขับครบทั้ง 4 CH ของวิทยุไฮเพาเวอร์
  2. การขับแบบไบ-แอมป์จะฟังแล้ว?เสมือน?ขับด้วยภาคขยายเป็น 2 เท่าของกำลังขับจริงเช่น วิทยุ-CD กำลังขับ 50W x 4CH เมื่อต่อไบ-แอมป์เท่ากับว่าเราขับลำโพงซีกซ้ายด้วยภาคขยาย 50W+50W = 100W แต่หูฟังแล้วเหมือนกับฟังจากภาคขยาย 100Wx2 = 200W? คือพลังอัดฉีด,แรงกระแทก,น้ำหนักเสียงจะเหมือนขับด้วยภาคขยาย 200W
  3. การแยกวงจรแบ่งเสียงกลางทุ้ม ไม่ให้เชื่อมต่อใดๆกับวงจรกรองแหลม กระแสไฟตีกลับจากดอกลำโพง (เรียก BACK EMF) จากดอกหนึ่งจะไม่วิ่งวนผ่านวงจรแบ่งเสียงไปป่วนอีกดอกหนึ่งได้ เสียงจึงชัดกระจ่างขึ้นมาก

ข้อควรระวังในการต่อไบ-แอมป์

  1. ต้องไม่ให้สายลำโพงชุดแหลมกับชุดกลางทุ้มแตะต้องกัน จะบั่นทอนผลดีของการแยกไบ-แอมป์
  2. ต้องลองฟังทีละ 2 CH ก่อน (ต่อลำโพงตามปกติ) เช่นฟังภาคขยายชุดหน้าว่าเสียงซ้าย-ขวาสมดุลย์มีบุคลิกเหมือน กันไหม จากนั้นย้ายลำโพงมาฟังจากภาคขยาย 2 CH ชุดหลัง ถ้าบุคลิกซ้าย-ขวาเหมือนกันด้วยก็โอเค ต่อไบ-แอมป์ได้

    สาเหตุเพราะเคยพบ 2 ? 3 ครั้งแล้วว่ามีวิทยุ-CD ไฮเพาเวอร์บางรุ่น 2CH ชุดหน้าเสียงซ้าย-ขวาต่างกันเช่น ซ้ายมิติดี เป็นตัวตน หลุดลอยออกมาเป็นชิ้นเป็นอันดี แต่ขวาเสียงแบนจมไม่โฟกัส พอย้ายมาฟัง 2CH ชุดหลัง เสียงซ้ายกลับแย่ เสียงขวากลับดี อย่างนี้ต่อไบ-แอมป์ไม่ได้จะยิ่งเละ? ถ้าฟังปกติก็ต้องต่อลำโพงซ้ายด้วยภาคขยายซ้ายหน้า ต่อลำโพงขวาด้วยภาคขยายขวาหลัง ซ้ายและขวาจึงจะได้เสียงดีด้วยกันทั้งคู่ ก็ต้องเปลี่ยนแผนโดยนำลำโพงที่แยกระบบสายดินไว้แล้ว (ดังกล่าวข้างต้น) จากนั้นนำมาต่อแบบไบ-แอมป์ โดยแทนที่สายลำโพงซีกซ้ายชุดเข้าแหลมกับชุดเข้ากลางทุ้มจะแยกคนละภาคขยาย (ซ้ายหน้า+ซ้ายหลัง) ก็ให้มาเข้าภาคขยายชุดซ้ายหน้าชุดเดียว (ที่เราฟังไว้แล้วว่าเสียงดีกว่าขวาหน้า) สายลำโพงชุดเข้าแหลมกับชุดเข้ากลางทุ้มขวาก็มาเข้าภาคขยายขวาหลังชุดเดียว (ซ้ายหลังเสียงแย่) วิธีนี้เรียกว่าการต่อแบบ ไบ-ไวร์ (BI-WIRE) ถ้าภาคขยายชุดหน้าซ้าย-ขวาเสียงดี เหมือนกัน หรือชุดหลังซ้าย-ขวาเสียงดีเหมือนกันก็เลือกต่อ ไบ-ไวร์กับภาคขยายชุดหน้าหรือชุดหลัง ชุดใดชุดหนึ่งก็ได้ (แต่จริงๆแล้วต่อเป็น ไบ-แอมป์ PASSIVE ไปเลยจะดีกว่า)

    การต่อ ไบ-ไวร์ จะให้เสียงหลุดลอยดีกว่าต่อปกติ ที่เรียกว่า ซิงเกิ้ล ไวร์ (Single Wire) แต่พลังจะเป็นรอง ไบ-แอมป์อยู่ดี

    ข้อควรระวังในการต่อ ไบ-ไวร์

    อย่าให้สายลำโพงชุดแหลมกับชุดเข้ากลางทุ้มแตะต้องกัน จริงอยู่บางท่านอาจสงสัยว่า มันก็ยังต้องเจอกันที่ขาออกภาคขยายวิทยุอยู่ดีไม่ใช่หรือ จริงๆก็เป็นเช่นนั้น แต่ตรงตำแหน่งขาออกนั้นความต้านทานต่ำมาก ผลที่มันจะตีกันจึงน้อยลงมาก (ต้องตัดสายลำโพงที่มีมาที่ออกจากภาคขยายวิทยุให้สั้นที่สุดก่อน)
  3. สายลำโพงชุดเข้าแหลมกับเข้าชุดกลางทุ้มต้องเรียงทิศทางสาย (DIRECTION) ถูกต้องและเหมือนกันหมดเช่น ใช้สายยี่ห้อ A ?เราต้องอ่านยี่ห้อไล่จากวิทยุไปดอกลำโพง (เสียงจะเป็นตัวตน มีทรวดทรง ตื้นลึกดีที่สุด) สายเข้าดอกแหลม,ดอกกลางทุ้ม ทุกๆช่วงก็ต้องเรียงทิศตามนี้เช่นกัน ห้ามสายทุกๆช่วงแตะต้องกันหรือม้วนทับตัวเอง (อย่าลืมเฝ้าดูการติดตั้งเดินสายลำโพงให้ดีๆ เด็กติดตั้งชอบมักง่าย ขยำๆม้วนๆซ่อนเก็บไว้ บางร้านกะฟันค่าสายมากๆตัดสายยาวเกินความจำเป็นมากแล้วซุกซ่อนสายส่วนเกินไว้)
  4. สายลำโพงต้องใช้วิธีบัดกรีเข้าดอกลำโพงเลย อย่าใช้ตัวยูเสียบ ที่แผงวงจรจะขันสายก็ได้ แต่ถ้าข้ามชุดขันไปบัดกรีลงแผงโดยตรงยิ่งดี
  5. ดอกลำโพงแหลมกับดอกลำโพงกลางทุ้มต้องติดตั้งใกล้ชิดติดกันที่สุด การแยกดอกแหลมห่าง (เช่นติดบนแผงหน้ารถ,ที่เสา A) เป็นสิ่งที่ผิดมากๆ ตัวโน้ต/หัวโน้ต เสียงจะแหกแตกจากกัน นักร้องจะผอมบาง จนถึงจัดจ้าน ทิ่มหู ทุ้มจะผอมบาง อย่าเชื่อร้านที่อ้างว่า หนีการบังของขา เพราะถ้าติดตั้งดีจริงๆจะแทบไม่รู้สึกว่าขาบังเสียงเลย และแหลมจะลอยตัวอยู่เหนือแผงหน้าจนถึงระดับกระจกมองหลังยังทำได้เลย ถ้าไม่เป็นตามนี้ก็แสดงว่า ติดตั้งผิดพลาดหรือลำโพงมีปัญหา

สรุป

????????? เมื่อใดก็ตามที่คิดจะติดตั้งเครื่องเสียงรถด้วยงบที่ประหยัดที่สุด คุ้มค่าที่สุด อย่าลืมปรึกษาเรื่องการติดแบบ ไบ-แอมป์ ไฮเพาเวอร์ ดังกล่าว ถ้าร้านอิดเอื้อน หรือเฉไปแนะนำให้เพิ่มเพาเวอร์แอมป์ หรือ ซับก็เดินออกเลย หาร้านใหม่ก็ได้ มีถมไป หรือถ้าร้านอ้างว่าไม่เคย,ไม่รู้จัก ก็เอาบทความนี้ให้เขาอ่าน ถ้ายังปฏิเสธที่จะทำอีกก็หาร้านอื่นต่อไป

หมายเหตุ

????????? ถ้าลำโพงกลาง,แหลมที่ใช้ราคาไม่สูงนักเช่น คู่ละแค่สามพันกว่าบาท เราอาจทำง่ายๆโดยซื้อ 2 คู่ แต่ใช้ดอกคู่เดียว เอากล่องแยกเสียงอีกคู่มาใช้เท่ากับว่า ซีกซ้าย กล่องที่ 1 ต่อออกดอกแหลมขวา,กล่องที่ 2 ต่อออกดอกกลางทุ้ม? ซ้ายซีกขวา กล่องที่ 1 ต่อออกดอกแหลมขวา,กล่องที่ 2 ต่อออกดอกกลางทุ้มขวา เราก็ไม่ต้องไปผ่าตัดวงจรแบ่งเสียงอย่างใด แต่อย่าลืมเปิดกล่องมาดูก่อนว่า ทั้ง 4 กล่อง อุปกรณ์บนแผงวงจรเรียงทิศเหมือนกันหมดหรือเปล่า (เก็บดอกแหลมกับดอกกลางทุ้มอีกคู่ไว้เป็นอะไหล่เผื่อเสีย)

www.maitreeav.com

www.maitreeav.com
สำนักงาน : 313/129 ซ. เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร. 081-5500269 , 099-569-6459